
อุปทาน (Supply): เมื่อเข้าสู่ช่วงอากาศหนาว ประกอบกับฝนและหิมะที่ส่งผลกระทบต่อการรีไซเคิล การแปรรูป และการขนส่ง ทำให้ปริมาณเศษเหล็กต้นทางลดลงตามฤดูกาล สินค้าคงคลังในตลาดยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ผู้ค้าส่วนใหญ่มีท่าที “ชะลอการขาย” เนื่องจากทรัพยากรมีจำกัด ปริมาณเศษเหล็กที่ส่งถึงโรงงานเหล็กคาดว่าจะลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
อุปสงค์ (Demand): โรงงานเหล็กที่ใช้กระบวนการผลิตแบบดั้งเดิมมีแรงจูงใจในการใช้เศษเหล็กต่ำ เนื่องจากกำไรลดลงเล็กน้อย แม้จะได้รับแรงสนับสนุนจากความคาดหวังเรื่องการเก็บสำรองเหล็กในฤดูหนาว แต่ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์เหล็กสำเร็จรูปยังไม่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้แนวโน้มอุปสงค์ที่อ่อนแอยังคงดำเนินต่อไปในระยะสั้น
สินค้าคงคลัง (Inventory): เมื่อบางโรงงานเริ่มเตรียมการเก็บสำรองเหล็กช่วงฤดูหนาว ปริมาณสินค้าคงคลังจึงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความต้องการปลายน้ำยังคงซบเซา และมีความเสี่ยงที่ราคาผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปจะปรับลด โรงงานเหล็กจึงระมัดระวังในการเพิ่มสต็อก โดยส่วนใหญ่ยังคงซื้อเฉพาะตามความจำเป็น ส่งผลให้ปริมาณสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นในระดับจำกัด
ปริมาณนำเข้าเศษเหล็ก (Import Volume of Scrap Steel): ราคานำเข้าเศษเหล็กในปัจจุบันยังอยู่ในระดับสูง ทำให้เงื่อนไขการนำเข้าไม่เอื้อต่อการซื้อขาย ปริมาณการนำเข้าเศษเหล็กโดยรวมจึงคาดว่าจะยังอยู่ในระดับต่ำ
แนวโน้มราคา (Price Forecasting): กำไรของโรงงานเหล็กในขณะนี้คาดว่าจะยังไม่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้แรงหนุนด้านราคาของเศษเหล็กมีจำกัด จากมุมมองด้านอุปสงค์และอุปทาน ความต้องการเศษเหล็กยังคงอ่อนแอในเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น โดยแนวโน้มตลาดอาจแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค และควรจับตาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ดัชนีราคาเศษเหล็กหนัก (Heavy Scrap Price Index) ของ SteelHome คาดว่าระดับราคากลางจะขยับลดลงเล็กน้อย โดยมีช่วงการเคลื่อนไหวหลักอยู่ระหว่าง 2,400–2,450 หยวนต่อตัน (รวมภาษี)